วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปลายจมูก

เรื่องปลายจมูก
เรื่องราวปลายจมูกนี้มันเป็นเรื่องง่ายๆ วันนี้ผมไปเจอเรื่องปลายจมูกมา คือเรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นผมเล่นเกมส์อยู่ดีดี ทุกๆวัน  แต่วันนี้เอ๋ทำไมถึงเข้าเกมส์ไม่ได้ซักที ทั้งๆที่เมื่อก่อนเข้าได้ปกติ จนผมก็ลง Windows ใหม่และลงเกมส์ใหม่แต่ก็เข้าเกมส์ไม่ได้  จนผมนึกว่าอ๋อเราไปเปลี่ยนชื่อเกมส์ไม่ให้มันสอดคล้องกับเกมส์นั้นเองสิ่งนี้ทำให้ผมคิดว่า มันเป็นการเรียนรู้ความผิดของตัวเองทั้งๆเรื่องมันแค่เปลี่ยนชื่อเกมส์ โดยไม่ต้องลง Windows ใหม่เลย ฮ่าๆๆๆ ผมอดขำตัวเองไม่ได้ ก็เลยพิมพ์มาอย่างนี้ บางท่านไม่เข้าใจก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ "การเรียนรู้ความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข มันก็แค่อยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น" 

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

จุดหมายของชีวิต


ชีวิต
ลองถามตัวเองว่า "ชีวิต" เกิดมาทำไม? มันเป็นคำถามที่ยากที่จะตอบหรือบางท่านตอบแบบลอยๆ บางท่านตอบแบบไม่ใส่ใจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องขำๆ ว่าทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วจุดหมายของชีวิตหละอยู่ที่ไหนกันแน่



การเดินทาง
แต่ละคนจะมีการเดินทางที่ไม่เหมือนกัน ชีวิตไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรารู้การเดินทางของตัวเองแล้วหรือยัง ฮ่าๆๆๆ  ผมจึงมาแนะนำทาง ถือว่าผมเป็นถนนหนทางไว้ให้ทุกท่านเข้ามาอ่านได้นำไปใช้ชีวิตประจำวัน



จุดมุ่งหมายสูงสุด
สุดท้ายคือจุดมุ่งหมายสูงสุดคือคำสอนของพระพุทธศาสนานั้นแหละถูกต้องที่สุดเลย มันเหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้วครับ คนเรามีธรรมะทุกคนแต่เราไม่เห็นเอง เพราะงั้นเดินตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและนำไปปฎิบัติให้เกิดประโยชน์ นี่คือ สิ่งสุดท้ายจริงๆครับ



วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ก้อนเนื้อตัวเอง

ก้อนเนื้อตัวเอง
ท่านมองเห็นหรือยังก้อนเนื้อตัวเองตามที่หัวข้อบอกไว้ นั้นก็คือร่างกายของเรานั้นเองมันเปรียบเสมือนก้อนเนื้อวัว ก้อนเนื้อหมูที่ทิ้งไว้เป็นเวลานานจวนจะบูดเน่าในที่สุดก็ย่อยสลายไป

ธรรมะ
ธรรมะสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ให้พิจารณาความเสื่อมของสิ่งของต่างๆ เช่นความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมของต้นไม้ ความเสื่อมของใบไม้ และอีกอื่นๆจนกระทั้งรู้และเบื่อหน่ายในการพิจารณา และยกระดับจิตให้เกิดความหลุดพ้นจากโลกนี้ จากการพิจารณานั้นเอง




วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

จุดมุ่งหมายของพระพุทศาสนา

การศึกษา    
การศึกษาบางครั้งต้องพึ่งตำรา บางครั้งต้องพึ่งผู้แนะนำธรรมะนั้น เมื่อมีทั้งตำรา และผู้แนะนำแล้ว สุดท้ายเลยคือปฎ้บัติ ให้เห็นรู้ด้วยตัวเอง อย่าพึ่งเชื่อนะ ลองอ่านก่อน  สมัยผมเป็นเด็ก ผมเรียนวิชาพระพุทธศาสนาเนื้อหานี่ เยอะเป็นตับ ผมเดิมทีไม่ค่อยตั้งใจเรียนซักเท่าไหร่ เลยไม่เก่งกับเขาซักที  มีแต่เรียนไปวันๆจนจบมาได้ก็บุญโขแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ เนื้อหาเยอะมากๆๆๆ ทั้งประวัติพระพุทธเจ้าเอง  ทั้งท่องจำ บทสวดมนต์ สิ่งที่สำคัญที่เน้นที่สุดคือ คำสอนพระพุทธเจ้าครับ พลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ข้อสงสัย(หาความกระจ่างจนไม่สงสัยในพระพุทธศาสนา)
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมได้ยินคำว่า เรียนสูงแต่ยังมีโกรธอยู่ ทำไมหละ?? ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วหาวิธีจนกระทั้งเจอหนังสือ"เข้าสู่นิพพาน"ราคาไม่ถึง 100 บาท(ผมจำไม่ได้แล้ว) เนื้อหาไม่เยอะมาก  อ่านก็เข้าใจง่าย ผมอ่านจนหมดเล่มในเวลา 2 วันครึ่ง เพราะผมทำงานด้วยจึงไม่ค่อย อ่านอย่างต่อเนื่องซักเท่าไหร่ อันที่จริงอ่านแค่วันเดียวก็จบแล้ว เราจบจากการศึกษา ม.6 แต่พอมารู้แก่นพุทธศาสนาเหมือนกับว่าผมเป็นอนุบาลอย่างไง อย่างงั้น เพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า"ทางสายกลางและจิตที่ไม่ยึดติด"นี้เป็นอย่างไร  เริ่มเรียนใหม่เลยก็ว่าได้
สิ่งที่รู้
มันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจเขียนบทความสั้นๆนี้ขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนบนโลกใบนี้จะรู้ทางสายกลางและจิตที่ว่าง ควรปฏิบัติอย่างไร

ทางสายกลางมี 2 แบบ
1.แบบทางกาย
2.แบบทางจิต
เพื่อเป็นการง่ายและไม่เสียเวลาผู้อ่านผมจะอธิบายง่ายๆและจะจบอย่างรวดเร็วครับ  

ทางกายคืออยู่อย่างพอเพียง ง่ายๆ สบายๆ ไม่เบียดเบียน 
ทางจิตคือปล่อยวางในอารมณ์ทั้งปวง(ทำให้เป็นให้ชำนาญทุกสถานการณ์) จิตนี่สำคัญที่สุดเลย

การปฏิบัติที่ง่าย
ไม่มีอะไรมาก พยายาม ดูแค่จิต ค่อยๆทำ ไม่ต้องฝืนมาก ว่าจิตมันทำไมถึงเป็นอย่างงี้ แล้วมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน สมุติว่าหงุดหงิด  ให้ดูที่จิต นี่แหละ แล้วระงับค่อยๆ ระงับมัน ปล่อยความหงุดหงิดนั้นเสีย (จะหงุดหงิดทำไมเสียเวลาจริงไหม)เมื่อรู้วิธีปฏิบัติบางครั้งต้องมีการหลอกจิต คืออุบายนั้นเอง  ใช้อุบายให้เป็น ขอแค่อุบายนั้นสามารถระงับจิตอันไม่พรึงประสงค์แล้วปรับใช้ในชีวิตประจำวันโดยไร้อารมณ์****(อุบายเช่นการหายใจเข้า ออกหรือดูที่จิตเลยแล้วระงับหรือตัดอารมณ์นั้นออก)
หมั่นดูจิต            
ไม่ต้องไปถึงพระนิพพาน ขอแค่ว่าหมั่นดูจิต ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วเรียนรู้กับมัน เท่านี้ก็เป็นพอ แล้วค่อยต่อยอดเอาครับ ต่อสู้กับจิตใจให้พ้น กิเลส ตัณหา เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆครับ และพยามทำอย่างต่อเนื่องเห็นแจ้งเห็นจริง รู้แล้ว ว่ามันเป็นยังงี้นะ แค่นั้นพอครับ สบายๆ
จุดมุ่งหมายธรรมะ
จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาคือ นิพพาน (ไม่ยึดมั่นสิ่งใดในโลก  ไม่ยึดมั่นสิ่งในในจิต)

ขอฝากไว้บทความสั้นๆไว้ด้วยนะครับ 




               

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ธรรมะ กับ ร่างกาย

พิจารณาร่างกาย             
ตานี้ - เรามองเห็น
หูนี้ -เราได้ยัง
จมูกนี้ - เราได้กลิ้น
ลิ้นนี้ - เราลิ้มรส
ผิวหนัง -เรารู้สึกการลูบไล้ บาดเจ็บ ต่างๆนานา

ทำความเข้าใจ
5 สิ่งนี้จะมากระทบที่จุดๆเดียวคือ จิตใจ ........ เช่น ตามองไปเห็นผู้หญิงสวย เราเกิดอารมณ์ชอบขึ้นมานี่แหละ ประเดี๋ยวความชอบนั้นก็หายไป  ตาไปมองอย่างอื่นเห็นรถชนกัน แล้วหวาดกลัวไม่ชอบอีกหละนั้น!!!!!!!ให้พิจารณาจากการสัมผัสทั้ง 5 ว่ากลไกมันสอดคล้องกับจิตใจอย่างไง พิจารณาให้เกิดปัญญา ว่าอ๋อมันเป็นอย่างงี้นี่เอง (ผมจะไม่บอก มากกว่านี้ ให้ท่านฝึก พิจารณา) เมื่อท่านรู้แล้วว่าจิตของเราไม่เที่ยง มันวกวกวนวน บางทีโกรธ บ้าง บางทีชอบใจบ้าง ให้ท่านคอยดูจิตอยู่ห่างๆ แล้วบังคับจิตใจตนเองให้สงบ รู้ทันจิต แล้วอย่าไปยึดติดกับอารมณ์ครับ ฝึกบ่อยๆ นะครับ 

การวางแผนชีวิตที่ถูกต้อง


 ขอบขอบคุณ  Credit Kentum Sumye

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

ความตายที่นิ่งสงบ

                    ต้องกล่าวขอโทษอย่างยิ่ง ที่จำต้องโพสน์เรื่องพวกนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเสื่อมไป ย่อมมีถึงจุดจบในตัวของมันเองเสมอ  ดังภาพ คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ก่อนมันคงมีเจ้าของที่คอยดูแลรักษาอย่างดี สุดท้าย ก็เสื่อมไป ........

                   แม้เราจะอยู่สูงเพียงใด ก็พบจุดจบด้วยความตาย ดังภาพ นกตัวนี้เมื่อก่อนมันเคยโบยบินอย่างอิสระ สุดท้าย ก็สิ้นไปนิ่งสงบ ไร้วิญญาน

             หนูตัวนี้ ด้วยความหิวมันเลยไปติดกับดักของมนุษย์ตาย ดังภาพ ความโลภที่รู้เท่าไม่ถึงการ ต้องมาตายอย่างนี่    (ความหิว)ไม่เข้าใครต่อใครจริงๆ

                    เมื่อเราตาย เราจะไปที่ไหน ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้  เพราะฉะนั้น ทำความดี ไม่ทำบาป ไม่เบียดเบียน เริ่มต้นจากตัวเราเอง ขัดเกลาจิตใจให้สะอาด นี่แหละคือหนทางที่จะนำไปถึงแก่นแท้  ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว

      ที่เรามีชีวิตอยู่ ก็เหมือนดังภาพ เราสนุกกับสิ่งที่หลอกลวงตัวเอง ทั้งๆที่ความตายอยู่กับเราทุกคน 


ขอบคุณครับ