วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปลายจมูก

เรื่องปลายจมูก
เรื่องราวปลายจมูกนี้มันเป็นเรื่องง่ายๆ วันนี้ผมไปเจอเรื่องปลายจมูกมา คือเรื่องมีอยู่ว่า ตอนนั้นผมเล่นเกมส์อยู่ดีดี ทุกๆวัน  แต่วันนี้เอ๋ทำไมถึงเข้าเกมส์ไม่ได้ซักที ทั้งๆที่เมื่อก่อนเข้าได้ปกติ จนผมก็ลง Windows ใหม่และลงเกมส์ใหม่แต่ก็เข้าเกมส์ไม่ได้  จนผมนึกว่าอ๋อเราไปเปลี่ยนชื่อเกมส์ไม่ให้มันสอดคล้องกับเกมส์นั้นเองสิ่งนี้ทำให้ผมคิดว่า มันเป็นการเรียนรู้ความผิดของตัวเองทั้งๆเรื่องมันแค่เปลี่ยนชื่อเกมส์ โดยไม่ต้องลง Windows ใหม่เลย ฮ่าๆๆๆ ผมอดขำตัวเองไม่ได้ ก็เลยพิมพ์มาอย่างนี้ บางท่านไม่เข้าใจก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ "การเรียนรู้ความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข มันก็แค่อยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น" 

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558

จุดหมายของชีวิต


ชีวิต
ลองถามตัวเองว่า "ชีวิต" เกิดมาทำไม? มันเป็นคำถามที่ยากที่จะตอบหรือบางท่านตอบแบบลอยๆ บางท่านตอบแบบไม่ใส่ใจ ก็ถือว่าเป็นเรื่องขำๆ ว่าทำไมเราถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วจุดหมายของชีวิตหละอยู่ที่ไหนกันแน่



การเดินทาง
แต่ละคนจะมีการเดินทางที่ไม่เหมือนกัน ชีวิตไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรารู้การเดินทางของตัวเองแล้วหรือยัง ฮ่าๆๆๆ  ผมจึงมาแนะนำทาง ถือว่าผมเป็นถนนหนทางไว้ให้ทุกท่านเข้ามาอ่านได้นำไปใช้ชีวิตประจำวัน



จุดมุ่งหมายสูงสุด
สุดท้ายคือจุดมุ่งหมายสูงสุดคือคำสอนของพระพุทธศาสนานั้นแหละถูกต้องที่สุดเลย มันเหนือกว่าสิ่งอื่นใดแล้วครับ คนเรามีธรรมะทุกคนแต่เราไม่เห็นเอง เพราะงั้นเดินตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและนำไปปฎิบัติให้เกิดประโยชน์ นี่คือ สิ่งสุดท้ายจริงๆครับ



วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

ก้อนเนื้อตัวเอง

ก้อนเนื้อตัวเอง
ท่านมองเห็นหรือยังก้อนเนื้อตัวเองตามที่หัวข้อบอกไว้ นั้นก็คือร่างกายของเรานั้นเองมันเปรียบเสมือนก้อนเนื้อวัว ก้อนเนื้อหมูที่ทิ้งไว้เป็นเวลานานจวนจะบูดเน่าในที่สุดก็ย่อยสลายไป

ธรรมะ
ธรรมะสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ให้พิจารณาความเสื่อมของสิ่งของต่างๆ เช่นความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมของต้นไม้ ความเสื่อมของใบไม้ และอีกอื่นๆจนกระทั้งรู้และเบื่อหน่ายในการพิจารณา และยกระดับจิตให้เกิดความหลุดพ้นจากโลกนี้ จากการพิจารณานั้นเอง




วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

จุดมุ่งหมายของพระพุทศาสนา

การศึกษา    
การศึกษาบางครั้งต้องพึ่งตำรา บางครั้งต้องพึ่งผู้แนะนำธรรมะนั้น เมื่อมีทั้งตำรา และผู้แนะนำแล้ว สุดท้ายเลยคือปฎ้บัติ ให้เห็นรู้ด้วยตัวเอง อย่าพึ่งเชื่อนะ ลองอ่านก่อน  สมัยผมเป็นเด็ก ผมเรียนวิชาพระพุทธศาสนาเนื้อหานี่ เยอะเป็นตับ ผมเดิมทีไม่ค่อยตั้งใจเรียนซักเท่าไหร่ เลยไม่เก่งกับเขาซักที  มีแต่เรียนไปวันๆจนจบมาได้ก็บุญโขแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ เนื้อหาเยอะมากๆๆๆ ทั้งประวัติพระพุทธเจ้าเอง  ทั้งท่องจำ บทสวดมนต์ สิ่งที่สำคัญที่เน้นที่สุดคือ คำสอนพระพุทธเจ้าครับ พลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
ข้อสงสัย(หาความกระจ่างจนไม่สงสัยในพระพุทธศาสนา)
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมได้ยินคำว่า เรียนสูงแต่ยังมีโกรธอยู่ ทำไมหละ?? ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วหาวิธีจนกระทั้งเจอหนังสือ"เข้าสู่นิพพาน"ราคาไม่ถึง 100 บาท(ผมจำไม่ได้แล้ว) เนื้อหาไม่เยอะมาก  อ่านก็เข้าใจง่าย ผมอ่านจนหมดเล่มในเวลา 2 วันครึ่ง เพราะผมทำงานด้วยจึงไม่ค่อย อ่านอย่างต่อเนื่องซักเท่าไหร่ อันที่จริงอ่านแค่วันเดียวก็จบแล้ว เราจบจากการศึกษา ม.6 แต่พอมารู้แก่นพุทธศาสนาเหมือนกับว่าผมเป็นอนุบาลอย่างไง อย่างงั้น เพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า"ทางสายกลางและจิตที่ไม่ยึดติด"นี้เป็นอย่างไร  เริ่มเรียนใหม่เลยก็ว่าได้
สิ่งที่รู้
มันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจเขียนบทความสั้นๆนี้ขึ้นมาว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนบนโลกใบนี้จะรู้ทางสายกลางและจิตที่ว่าง ควรปฏิบัติอย่างไร

ทางสายกลางมี 2 แบบ
1.แบบทางกาย
2.แบบทางจิต
เพื่อเป็นการง่ายและไม่เสียเวลาผู้อ่านผมจะอธิบายง่ายๆและจะจบอย่างรวดเร็วครับ  

ทางกายคืออยู่อย่างพอเพียง ง่ายๆ สบายๆ ไม่เบียดเบียน 
ทางจิตคือปล่อยวางในอารมณ์ทั้งปวง(ทำให้เป็นให้ชำนาญทุกสถานการณ์) จิตนี่สำคัญที่สุดเลย

การปฏิบัติที่ง่าย
ไม่มีอะไรมาก พยายาม ดูแค่จิต ค่อยๆทำ ไม่ต้องฝืนมาก ว่าจิตมันทำไมถึงเป็นอย่างงี้ แล้วมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน สมุติว่าหงุดหงิด  ให้ดูที่จิต นี่แหละ แล้วระงับค่อยๆ ระงับมัน ปล่อยความหงุดหงิดนั้นเสีย (จะหงุดหงิดทำไมเสียเวลาจริงไหม)เมื่อรู้วิธีปฏิบัติบางครั้งต้องมีการหลอกจิต คืออุบายนั้นเอง  ใช้อุบายให้เป็น ขอแค่อุบายนั้นสามารถระงับจิตอันไม่พรึงประสงค์แล้วปรับใช้ในชีวิตประจำวันโดยไร้อารมณ์****(อุบายเช่นการหายใจเข้า ออกหรือดูที่จิตเลยแล้วระงับหรือตัดอารมณ์นั้นออก)
หมั่นดูจิต            
ไม่ต้องไปถึงพระนิพพาน ขอแค่ว่าหมั่นดูจิต ว่ามันเป็นอย่างไร แล้วเรียนรู้กับมัน เท่านี้ก็เป็นพอ แล้วค่อยต่อยอดเอาครับ ต่อสู้กับจิตใจให้พ้น กิเลส ตัณหา เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆครับ และพยามทำอย่างต่อเนื่องเห็นแจ้งเห็นจริง รู้แล้ว ว่ามันเป็นยังงี้นะ แค่นั้นพอครับ สบายๆ
จุดมุ่งหมายธรรมะ
จุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาคือ นิพพาน (ไม่ยึดมั่นสิ่งใดในโลก  ไม่ยึดมั่นสิ่งในในจิต)

ขอฝากไว้บทความสั้นๆไว้ด้วยนะครับ 




               

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

ธรรมะ กับ ร่างกาย

พิจารณาร่างกาย             
ตานี้ - เรามองเห็น
หูนี้ -เราได้ยัง
จมูกนี้ - เราได้กลิ้น
ลิ้นนี้ - เราลิ้มรส
ผิวหนัง -เรารู้สึกการลูบไล้ บาดเจ็บ ต่างๆนานา

ทำความเข้าใจ
5 สิ่งนี้จะมากระทบที่จุดๆเดียวคือ จิตใจ ........ เช่น ตามองไปเห็นผู้หญิงสวย เราเกิดอารมณ์ชอบขึ้นมานี่แหละ ประเดี๋ยวความชอบนั้นก็หายไป  ตาไปมองอย่างอื่นเห็นรถชนกัน แล้วหวาดกลัวไม่ชอบอีกหละนั้น!!!!!!!ให้พิจารณาจากการสัมผัสทั้ง 5 ว่ากลไกมันสอดคล้องกับจิตใจอย่างไง พิจารณาให้เกิดปัญญา ว่าอ๋อมันเป็นอย่างงี้นี่เอง (ผมจะไม่บอก มากกว่านี้ ให้ท่านฝึก พิจารณา) เมื่อท่านรู้แล้วว่าจิตของเราไม่เที่ยง มันวกวกวนวน บางทีโกรธ บ้าง บางทีชอบใจบ้าง ให้ท่านคอยดูจิตอยู่ห่างๆ แล้วบังคับจิตใจตนเองให้สงบ รู้ทันจิต แล้วอย่าไปยึดติดกับอารมณ์ครับ ฝึกบ่อยๆ นะครับ 

การวางแผนชีวิตที่ถูกต้อง


 ขอบขอบคุณ  Credit Kentum Sumye

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

ความตายที่นิ่งสงบ

                    ต้องกล่าวขอโทษอย่างยิ่ง ที่จำต้องโพสน์เรื่องพวกนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเสื่อมไป ย่อมมีถึงจุดจบในตัวของมันเองเสมอ  ดังภาพ คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ก่อนมันคงมีเจ้าของที่คอยดูแลรักษาอย่างดี สุดท้าย ก็เสื่อมไป ........

                   แม้เราจะอยู่สูงเพียงใด ก็พบจุดจบด้วยความตาย ดังภาพ นกตัวนี้เมื่อก่อนมันเคยโบยบินอย่างอิสระ สุดท้าย ก็สิ้นไปนิ่งสงบ ไร้วิญญาน

             หนูตัวนี้ ด้วยความหิวมันเลยไปติดกับดักของมนุษย์ตาย ดังภาพ ความโลภที่รู้เท่าไม่ถึงการ ต้องมาตายอย่างนี่    (ความหิว)ไม่เข้าใครต่อใครจริงๆ

                    เมื่อเราตาย เราจะไปที่ไหน ชีวิตหลังความตายจะเป็นอย่างไร เราไม่รู้  เพราะฉะนั้น ทำความดี ไม่ทำบาป ไม่เบียดเบียน เริ่มต้นจากตัวเราเอง ขัดเกลาจิตใจให้สะอาด นี่แหละคือหนทางที่จะนำไปถึงแก่นแท้  ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว

      ที่เรามีชีวิตอยู่ ก็เหมือนดังภาพ เราสนุกกับสิ่งที่หลอกลวงตัวเอง ทั้งๆที่ความตายอยู่กับเราทุกคน 


ขอบคุณครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

ทำตัวเองให้ความจำสั้นกับสิ่งที่เป็นทุกข์​

 
ทำความเข้าใจ
ฝึกตัวเองให้มีความเข็มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ โดยการปล่อยความคิดที่ไม่จำเป็นออกจากสมอง เช่น ความโกรธ ความเศร้า ความหดหู่ เป็นต้น 


ฝึกยิ้ม
ทำให้เป็นนิสัย  ยิ้มให้ผู้อื่นด้วยความจริงใจ แพร่ จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและความรักต่อทุกๆคน ทุกๆอย่าง สิ่งดีๆจะมาหาตัวท่านอย่างแน่นอน


ทำกิจกรรม
เมื่อท่านเครียดก็ลองหา สิ่งอื่นทำให้หายเครียด เช่น ออกกำลังกาย เดินมองวิว เล่นกับสุนัข เพื่อผ่อนคลายความเครียดบ้าง


ห่างไกลจากทุกข์
หลอกตัวเองให้ความจำสั้น ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ช่างมัน ปล่อยวาง แล้วค่อยๆคิดหาทางออกใหม่ ทุกปัญหามีทางออกเสมอครับ ^ ^ 

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2558

มองโลกให้รู้ตามเป็นจริง

ศีล5
โลกใบนี้ หากทุกคน ไม่เบียดเบียนกัน ถือศีล5 อันได้แก่
1.ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทรมานสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์
2.ไม่พูดโกหก เพ้อเจ้อ 
3.ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่แย้งสามี ภรรยาผู้อื่น
4.ไม่ขโมยของๆคนอื่น 
5.ไม่ดื่มสุรา เหล้า ของมึนเมา

การพิจารณาโลกนี้
มองโลกตามความเป็นจริงโดยพิจารณาสิ่งต่างๆว่าทุกสิ่งนี้ไม่เที่ยง แม้กระทั้งร่างกายของเราเองสิ่งของต่างๆและแม้จิตของเราเองมันยังไม่เที่ยง บางทีมันโลภ บางทีมันโกรธ บางทีมันหลง ทำความเข้าใจกับมัน  อยู่กับปัจจุบันและใช้ชีวิตให้คุ้มค่า  มันจะทำให้คุณเข้าใจโลกมากขึ้น



มอบวามสุขด้วยความรักและแบ่งปัน
อยู่ด้วยความรัก  อยู่ด้วยรอยยิ้ม  อยู่ด้วยการแบ่งปันสิ่งดีดี เป็นจุดเริ่มต้นของความสุขครับ


การแบ่งปัน


การให้
      การให้เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ให้ควรเป็นสิ่งที่ดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเล็กๆน้อยๆ ให้ความรักจากจิตใจที่บริสุทธิ์  ให้ลูกชิ้นกับสุนัข  ให้เงินใส่ในตู้บริจาค ให้เสื้อผ้าที่ตนเองไม่ใส่แล้ว การให้จะมีเยอะมาก แล้วแต่ตามโอกาส  และเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรทำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ครับ

ทานจักร 10 ประการ หรือ การบำเพ็ญทาน 10 ประการ ได้แก่
1. ให้ทานด้วยทรัพย์สินเงินทอง
2.ให้ทานด้วยสายตาที่เมตตาปรานี
3.ให้ทานด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
4.ให้ทานด้วยวาจาที่ไพเราะน่าฟัง
5.ให้ทานด้วยแรงงานช่วยเหลือผู้อื่น
6.ให้ทานด้วยการอนุโมทนายินดีเมื่อผู้อื่นทำดี
7.ให้ทานด้วยการให้อาสนะ (ที่นั่ง)
8.ให้ทานด้วยการให้ที่พักอันสะดวกสบาย
9.ให้ทานด้วยการให้อภัย
10.ให้ทานด้วยการให้ธรรมะ

ผลที่ได้คือ
1.ลดความตระหนี่ถี่เหนียว
2.ได้บุญ
3.อิ่มเอิบใจ เมื่อให้ไปแล้วผู้รับพ้นจากทุกข์ จะได้บุญเพิ่มขึ้นมาอีก
4.เสริมทางเข้าพระนิพพาน
                                     
     ให้โดยไม่รับผลตอบแทนแล้วผู้รับมีความสุข ถือว่าเป็นจุดเริ่มของความดีงามครับ
ต้นฉบับจาก http://www.dek-d.com/board/view/2553655/



ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เป็นสิ่งที่ดีมากๆครับ

ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.


1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี 

11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา

12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

ล้างจานสะอาด แต่ใจไม่สะอาด

                 
ช่วงที่ 1 ล้างจาน
ตอนสมัยเป็นหนุ่มทุกครั้งที่แม่ให้ผมล้างจานผมมักจะหน้าหงิกหน้างอและบ่นไปในใจอยู่เสมอด้วยที่ผมเป็นเด็กที่ดื้อและไม่ค่อยช่วยเหลืองานบ้านซักเท่าไหร่จนเป็นนิสัย  จนได้พบกับวีดีโอธรรมมะของหลวงหลวงพ่อ ชา สุภัทโท ซึ่งท่านสอนให้ดูที่จิตว่ามันทำไมถึงบ่นอย่างนั้น ผมเลยฉุดคิดเสมอว่าเราทำไมบ่นและก็ล้างจานต่อไปและพิจารณาอยู่เป็นครั้งคราว สุดท้ายผมก็ได้คำตอบจากใจตัวเองขึ้นมา

เป็นโรคทางจิต
ล้างจานให้สะอาดขัดอย่างแรง แต่ใจนั้นยังบ่นอยู่นั้นแหละ เหมือนกันตัวเองเป็นโรคมานานแสนนานแล้วได้กินยาที่ปรุงเอง กินเอง หายเอง และที่ผมรู้คือมันเป็นกลไกของจิตนั้นเอง

และนี่ก็คือประสบการณ์ที่เอามาแชร์จากตัวผมครับ

ใบไม้ที่ร่วงโรย ก็เหมือนกับ ชีวิต



จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่เกิดมา   หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
ใบไม้จากเขียวขจี เริ่มเปลี่ยนสี แล้วร่วงโรยสู่ดิน แห้งกราด แล้วหายไปในที่สุด โดยไม่มีประวัติ
แต่มนุษย์นั้นมีจิตใจ ควรจะจากไปอย่างไรให้มีประวัติอันดี คงสืบสานบนโลกมนุษย์ให้นานเท่านาน

รณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก

           

รณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก
           จากธรรมมะสู่ทางโลกกันบ้าง หลายๆท่านคงชินกับการใช้ถุงพลาสติกกันพอสมควร และที่ขาดไม่ได้เลยส่วนใหญ่จะเป็นถุงพลาสติกที่ใช้กันเวลาซื้อของแล้วทางร้านค้าก็จับสินค้าใส่ให้เพื่อความสะดวกสบายต่อผู้ใช้   แน่นอน!!!! ใช่ไหมหราาาาาาา แต่ทุกวันนี้รู้ไหม ขยะถุงพลาสติก  ล้นโลกแล้วนะแต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ขณะที่เราซื้อแกงจืด แกงส้ม ก็ต้องใส่ถุงเล็กๆอยู่ดี แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างไรให้เหมาะกับการใช้สอยกับโลกใบนี้


โดยมี 3 ขั้นตอนง่ายๆดังนี้
1.ใช้ถุงผ้าแทน หรือ ใช้ถุงที่หิ้วของ ซ้ำ
2. ถุงแกงหากท่านที่จะนำมาใช้ใหม่ก็สามารถทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ของตามที่ท่านต้องการ
3.ขัดแยกขยะให้ตรงตามชนิดของขยะเพื่อลดความยุ่งยากแก่ผู้ขัดแยก

ช่วยกันคนละนิด จิตแจ๋มใส กับเว็บ http://thammaworldblog.blogspot.com นะครับ


     

     

งดการทำบาป

งดการทำบาป
             สวัสดีครับ มากันอีกเช่นเคย ผมไม่ได้อัพเดท Blogger นี้นานโขเลยทีเดียว ธรรมมะนั้นไม่มีอะไรมากครับ ขอแค่ท่านเข้าใจ เพราะมันอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกๆท่านที่มาอ่าน Blogger นี้ และเป็นความหมายที่ดีทีเดียวที่จะมาศึกษาธรรมมะ จนกระทั้งรู้เห็นแล้วด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่ง Blogger นี้อีกต่อไป ให้ท่านเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผมสอนท่านที่อ่านไม่ได้ ได้แต่แนะนำแนวทางเท่านั้น   ทุกคนกำหนดชีวิตตัวเองได้ แต่กรรมที่แล้วๆมาเราไม่เคยรู้เลยว่าเราทำอะไรไปบ้าง และจะส่งผลอะไรบ้างเราก็ยังไม่รู้ ยังมืด 8 ด้านมัวฟ้ามัวดิน  ท้ายที่สุดก็คือการปฏิบัติดีในชาตินี้นี่เองคือกรรมใหม่ที่เรากระทำคืองดการทำบาปทั้งปวง คือ ศีล 5 นี่เองครับ 

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีปฏิบัติ ญาน4


ควรพิจารณา ฟังแล้วพิจารณา แล้วปฏิบติ เป็นนิมิตที่ดี เพื่อเข้าสู่นิพพาน

ขอขอบคุณ ท่าน Ole Joy

วิธีฝึกจิตให้เกิดปัญญา หลวงพ่อชา



ขอขอบคุณ DrSeripiput Srimuang ครับ


ตา=เห็น
จมูก=ได้กลิ่น
หู=ได้ยิน
ลิ้น=ลิ้มรส
ร่างกาย=สัมผัส
จิตใจ=ความนึกคิดจากสัมผัส


ให้พิจารณาในสิ่งที่มากระทบ ทำให้เกิดปัญญา ให้รู้  ให้เห็น ครับ

รับฟังนะครับ

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

พยายามย้อนมองดูตนเอง

สวัสดีครับพยายามมองย้อนดูตนเองนั้นครั้งนี้  ขอให้ท่านพิจารณาให้เกิดปัญญา ให้เกิดความรู้เข้าใจ และนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางของความเป็นจริงบนโลกใบนี้ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย

สิ่งแรกเลยคือร่างกายของเรานี่แหละที่เป็นฐานสำคัญของปฏิบัติในสิ่งที่มากระทบทาง   ตา หู จมูก ลิ้น ร่างกาย และลงไปยังสู่จิตใจของเรานี่เอง

ควรพิจารณาอยู่เนื่องๆค่อยๆพิจารณาไป หาความสิ้นสุดของมัน ยกตัวอย่างเช่น หากเรากำลังฟังเพลงอยู่ เรามีอารมณ์ว่าเพลงนี้สนุก  เอ๋ทำไมถึงสนุก   สนุกเพราะอะไร  อะไรทำให้มันสนุก   ให้พิจารณาจากสิ่งที่มากระทบทางหูที่เราได้ฟังเพลงอยู่อย่างงั้น คิดให้เป็นปัญญา อ๋อมันสนุกเพราะ เราชอบเพลงแนวนี้และเพลงฟังทางหูเราชอบใจ  ทำไมถึงชอบใจ เพราะใจเรามันชอบ  สรุปได้ว่าเมื่อเราฟังเพลงเราชอบก็เพราะจิตใจเราชอบนี่แหละจึงเป็นเหตุทำให้เราชอบ


หากเหตุไม่มีผลย่อมไม่มีตามมาคือ ถ้าไม่ได้ฟังเพลงนี่จะสนุกไหม ก็รู้สึกเฉยๆ   มันเป็นอย่างนั้น

พยายามหาที่สิ้นสุดของเหตุทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วพิจารณาให้เกิดปัญญา จึงเกิดผลทำให้รู้ เห็นแจ้ง เข้าถึง ความเป็นจริงของร่างกายนี่แหละครับ พยายามฝึกไปเรื่อยๆนะครับ

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

ธรรมะสั้นๆ

มองดูด้วยตาเข้าถึงใจไปมิได้ต้องใช้ความรู้สึกและรู้ตัวในความรู้สึกนั้นว่าเราเป็นอะไรกันแน่ที่สิ้นสุดของทุกอย่างคือ

ต้นไม้ที่นิ่งสงัด หากมีวิญญานไม่ 
ตุ๊กตาที่นิ่งสงัด หากมีวิญญานไม่

แม้กระทั้งธรรมใดใดที่รู้ควรปล่อยวาง สักแต่ว่ารู้นั้นแล  สักแต่ว่าพิจารณาให้เกิดปัญญาเข้าสู่นิพพาน  มิต้องแก่งแย่งธรรมภายนอกแต่อย่างใด จงแก่งแย่งร่างกายและจิตใจของตนให้พ้นทุกข์ ให้เกิดสติปัญญา สักแต่รู้ สักแต่เห็น เพื่อเป็นอุบายหลอกล้อจิตให้มีแต่ความสงบ ความว่างจาก ตัวตน ของตน

เป็นผู้มักน้อย คอยความตายเป็นนิจ
อย่าหวงอาลัยสิ่งใดๆ เพราะมันมีแต่ทุกข์
อะไรจะเป็นไปก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาตินั้นแล แม้กระทั้งร่างกายเราก็ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

เมื่อพิจารณาให้รู้จักผิดถูก สุขทุกข์ ชั่วดี และตั้งตัวอย่าไปเบียดเบียนผู้ใด และสัตว์ใด ให้เกิดความทุกข์เศร้าหมอง  ในวิญญานของเขา 

          
ธรรมที่กล่าวข้างต้นขอให้ท่านพิจารณา อาจจะผิด จะถูก ชื่นชอบ หรือมิชอบ โดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ก็ขอสักแต่ว่าพิจารณา นึกๆคิดๆไป อย่าไปยึดติดสิ่งที่คิดหรือสิ่งใดให้กระวนกระวายใจไม่เป็นสุขแท้ 







วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2558

สติ

   
สติ
คำง่ายๆคำว่า สติของตัวเอง ขณะจะทำอะไรขอให้ท่านมีสติ จากจิต ความคิดจากการกระทำว่าตัวเองอยู่ในศีลธรรมหรือไม่  เบียดเบียนคนอื่นหรือไม่ในทางที่ถูกท่านควรอยู่ในศีลธรรมและพิจารณาธรรมด้วยสติ โดย ตัวท่านเอง ขณะฝึกควรสะบายๆ มิต้องเครียดอะไร ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ต้องต่อเนื่อง  เริ่มจากที่ท่านอ่านบทความนี้  ขอให้รู้ว่าท่านอ่านและสักแต่ให้ท่านอ่านเท่านั้น เพื่อความไม่ยึดติดจากการอ่าน เป็นต้น สำหรับผมเองก็กำลังฝึกเหมือนกันไม่ได้เก่งอะไรมากแต่อยากแนะนำให้ทุกท่านชี้แนะด้วย เพื่อที่จะปฏิบัติธรรมไปด้วยกันครับ


                       


                     

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

ประวัติผู้เขียนและจุดมุ่งหมายผู้เขียน

                  ประวัติของผมนั้นไม่ได้มีอะไรมากมายและวิเศษอะไรหรอกครับ ผมเป็นบุคคลธรรมดานี่แหละ ผมชื่อ นาย วราเทพ วรามิตร ส่วนตัวที่เริ่มเขียนเรื่องธรรมมะนี้ก็เพื่อการศึกษา และเพื่อกุศล
ผลบุญ  ทั้งสืบทอดศาสนาให้คงอยู่และเพื่อเผยแพร่ศาสนาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และผู้เขียนเองก็ยังศึกษาธรรมมะอยู่เช่นกัน หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยใน ที่นี้ด้วย


                ทั้งนี้ทุกท่านที่มาเว็บนี้ ท่านสามารถโพสน์แลกเปลี่ยนธรรมมะ ข้อชี้แนะต่างๆ เพื่อนำไปปฏิบัติแต่มีข้อแม้ในการปฏิบัติ  ท่านต้องใช้การพิจารณาจาก กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ เพื่อเป็นแนวทางของผู้อ่าน และ ผู้แนะนำ(ทางที่ถูกควรอยู่ในที่ ละ เลิก ลด ใน รัก โลภ โกรธ หลง)


                และขอให้ผลบุญนี้ จงสำเร็จแก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครู อาจารย์ 
สัตว์ทั้งหลาย ปาณะทั้งหลาย ภูตทั้งหลาย บุคคลทั้งหลาย ผู้มีอัตตภาพทั้งหลาย สตรีทั้งหลาย 
บุรุษทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งหลาย ปุถุชนทั้งหลาย เทวดาทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์วินิปาติกะทั้งหลาย ทั้งทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ 
ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทั้งคนอ่านและข้าพเจ้า นายวราเทพ วรามิตร จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีความสุข ประคับประคองตนให้พ้นภัย และจงดลบันดาลเปิดนำทางสว่างไปสู่พระนิพพานกันทั่วหน้าเถิด สาธุ สาธุ สาธุ